Thursday, April 20, 2017

บทเรียนจากชีวิตของยาเบส

บทเรียนจากชีวิตของยาเบส

9ฝ่ายยาเบส เป็นผู้มีเกียรติกว่าพี่น้องทั้งหลายของเขา มารดาของเขาเรียกชื่อเขาว่ายาเบส กล่าวว่า “เพราะเราคลอดเขาด้วยความเจ็บปวด”  10ยาเบสทูลพระเจ้าของอิสราเอลว่า “ขอพระองค์ทรงอวยพระพรแก่ข้าพระองค์  และขยายเขตแดนของข้าพระองค์  และขอพระหัตถ์ของพระองค์อยู่กับข้าพระองค์ และขอพระองค์ทรงรักษาข้าพระองค์ให้พ้นจากเหตุร้าย  เพื่อมิให้ข้าพระองค์เจ็บใจปวดกาย” และพระเจ้าทรงประสาทตามที่เขาทูลขอ
1 พงศาวดาร 4:9-10

ก่อนจะมาเป็นผู้มีเกียรติ
แม่ของยาเบสคลอดเขามาในความเจ็บปวด นางจึงเรียกเขาว่า ยาเบส แปลว่า เจ้าผู้ก่อให้เกิดความเจ็บปวด จะมีแม่คนไหนแช่งลูกของตน? แต่แม่ของยาเบสก็ทำ!!! แสดงว่านางเป็นแม่ที่เจ้าอารมณ์ ยาเบสเกิดในครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์ ในพระคัมภีร์ไม่ได้บันทึกชื่อพ่อของยาเบสไว้เลย เป็นไปได้ที่เขาอาจจะตายก่อนที่ยาเบสจะคลอด หรืออาจจะหย่าร้างก็เป็นได้

ครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์กับเด็กที่เกิดมาในความไม่สมบูรณ์ทางร่างกาย
นี่เป็นอะไรที่ยากมากที่จะแก้ไข หรือทำให้ดีขึ้นมาได้ ชีวิตของยาเบสคงจะไม่พ้นที่จะเป็นเหมือนคำของแม่ของเขา แต่เปล่าเลยเพราะเขาไม่ยอมเป็น...เขาไม่ยอมให้ใครกำหนดชีวิตของเขา นอกจากพระเจ้า!!!
คนสมัยนี้มักจะโยนความผิดไปให้พ่อแม่ พี่น้อง สามีภรรยา เพื่อน ฯลฯ ว่าเป็นเหตุทำให้ชีวิตของเขาไม่สมบูรณ์ เขาคือตัวการที่ทำให้ฉันเป็นอย่างนี้นั่นคือความจริงเพียงส่วนเดียวเท่านั้น อย่ายอมให้มารหลอกคุณว่า มันคือความจริงทั้งหมด
ถ้าคนอื่นไม่ดี หรือไม่ยอมเปลี่ยน ปล่อยเขาไป!! คุณไม่สามารถเปลี่ยนชีวิตคนอื่นได้ แต่คุณอาจจะทำได้ถ้าคุณเป็นคนที่ประสบความสำเร็จ เพราะนั่นแหละที่จะทำให้คนหันมามองคุณ และถามคุณว่า เธอทำอย่างไร?”

น่าสังเกตุ ที่พระเจ้าเปลี่ยนชื่อให้คนหลายคน แต่ไม่ทรงเปลี่ยนชื่อให้แก่ยาเบส?
ยาเบส ผู้ไม่ยอมอยู่ภายใต้การกำหนดของโลก เขาเป็นเหมือน ยาโคบผู้ปล้ำสู้กับพระเจ้า ข้าพเจ้าจะไม่ปล่อยท่านไป จนกว่าท่านจะอวยพรให้ข้าพเจ้าก่อน หรือ โยเซฟ ผู้ถูกกระทำให้ต้องระหกระเหินพลัดถิ่นไป จากชีวิตที่เป็นไท ก็ต้องตกไปเป็นทาส คนทำกับเขาอย่างไร้ความปราณีและไร้ความยุติธรรม แต่โยเซฟไม่ยอมให้ใครที่ไหนมากำหนดกฎเกณฑ์ชีวิตของเขา แม้ว่าเขาจะตกต่ำเพียงไร เขาก็ยังวางใจในพระเจ้าเสมอ และไม่ยอมให้อะไร, ใคร หรือสิ่งใดทำให้ความเชื่อวางใจในพระเจ้าของเขาหวั่นไหวได้
เป็นเวลาหลายปี กว่าที่โยเซฟจะได้เลื่อนฐานะในบ้านของโปทิฟาร์ แต่สุดท้ายเขาต้องถูกปรักปรำด้วยภรรยาของนาย เขาไม่ยอมทำผิด เขาไม่ยอมเลือกทางอย่างที่คนอื่นๆ อาจจะเลือก คนส่วนใหญ่ไปไม่ถึงที่สุดของที่สุดในชีวิตอย่างที่พระเจ้าต้องการให้เป็น ก็เพราะเขายอมเดินในทางคด หรือยอมอยู่เพียงแค่นี้ก็พอ แต่โยเซฟเชื่อในพระเจ้า เชื่อในความฝัน เขาเป็นคนมีความฝันและไม่เคยลบหลู่ความฝันของตัวเอง ไม่เคยยอมให้อะไร หรือสิ่งใด หรือใคร มาทำให้ฝันของเขาคลอนแคลน นั่นแสดงออกอย่างชัดเจนว่า โยเซฟและยาเบส เป็นคนที่มีชีวิตที่ติดสนิทกับพระเจ้า เขามีประสบการณ์กับพระองค์โดยส่วนตัว ชีวิตที่ผูกพันอยู่กับพระเจ้า ก็จะมั่นใจในเสียงของพระองค์ สัมผัสกับน้ำพระทัยของพระองค์ เขาแน่ใจอย่างไม่สงสัย แม้เขาไม่รู้ว่า อย่างไร
การเลือกของยาเบส
มนุษย์ทุกคนเลือกที่เกิดไม่ได้ เลือกครอบครัวด้วยตัวเองไม่ได้ แต่เราสามารถเลือกการดำเนินชีวิตได้ เลือกกำหนดเส้นทางในอนาคตของตนได้ โดยเริ่มกำหนดจากจิตใจ และความคิด อย่าปล่อยชีวิตให้เป็นไปตามคำแช่งสาป อย่าปล่อยให้คนอื่นมาควบคุมชีวิต หรือกำหนดทิศทางของตน ไม่ว่าคนเหล่านั้นจะเป็นพ่อหรือแม่ก็ตาม แต่จงทำเหมือนยาเบส
ในเมื่อพระเจ้าเป็นผู้สร้าง พระองค์ก็ย่อมรู้ดีที่สุด ทรงฤทธิ์อำนาจที่จะทำให้ชีวิตที่เกิดมาพร้อมกับความอาภัพของเขา กลายเป็นชีวิตที่มีพระพรและเป็นพระพร

นี่แหละควรจะเป็นทางเลือกของเรา ไม่ใช่เอาแต่กล่าวโทษโชคชะตา เอาแต่กล่าวโทษผู้อื่น จงออกมาจากชีวิตที่ชอบกล่าวโทษเสียเถิด เพราะการเอาแต่กล่าวโทษเขาจะทำให้เรามองไม่เห็นไม้ทั้งท่อนในตาตน การเอาแต่มองหาความผิดในผู้อื่น (แม้ว่าเขาจะมีจริง) จะทำให้เราไม่ยอมเดินหน้า และทำให้เราเดินถอยหลังลงคลอง จงเลิกการกล่าวโทษนั้น และมองไปที่พระเจ้า พระองค์คือคำตอบเดียวและคำตอบสุดท้าย!!
ชีวิตที่จะได้ดี ต้องเลือกที่จะรับสิ่งที่ดีและปฏิเสธสิ่งที่ชั่ว ถ้าคุณไม่ทำก็อย่าหวังว่าจะได้ ถ้าคุณยังไม่ยอมจัดการกับ อีโก้ในตัวคุณ ถ้าไม่ยอมกำจัดความ คำหลอกลวงออกไป คุณก็จะไม่มีวันเป็นเหมือนยาเบสได้  
ยาเบสอธิษฐานเพียงแต่สั้นๆ
เขาไม่ได้พูดถ้อยคำพล่อยๆ แต่เขาพูดด้วยความเชื่อ พระเจ้าไม่ทรงสนใจต่อถ้อยคำอธิษฐานที่สละสลวยแต่ไม่จริงใจ พระเจ้าไม่ทรงสนใจคำสัญญาที่ลมๆแล้งๆ พระเยซูทรงเล่าเรื่องบุตรสองคนที่บิดาขอให้ช่วยไปดูแลสวนองุ่น คนหนึ่งบอกว่าจะไปแต่ต่อมาไม่ไป ส่วนอีกคนบอกว่าไม่ไปแต่ต่อมากลับใจไป พระองค์ทรงถามว่า ในบุตรสองคนนี้ คนใดทำตามใจบิดา?”
ทรงเล่าเรื่องชายชาวสะมาเรียใจดีว่า มีปุโรหิต เลวี ธรรมาจารย์ เดินผ่านมาเห็นคนเจ็บที่ถูกโจนปล้นปางตายนอนอยู่ข้างถนน แต่คนเหล่านั้น กลับเดินหนีไปอีกฟากหนึ่ง ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แม้ว่าเขาจะอธิษฐานได้อย่างสละสลวย แม้จะอาศัยอยู่ในพระวิหาร กินอาหารของพระวิหาร แต่ถ้าเขาไม่ดำเนินตามพระทัยของพระเจ้า อะไรที่เขาทำก็ไร้ค่าทั้งสิ้น ต่างกันกับชายชาวสะมาเรียที่ไม่เพียงแต่เอาน้ำองุ่นมาเทใส่บาดแผล พันแผลให้และให้คนเจ็บขึ้นขี่ม้าของตน เอาไปฝากในโรงแรมและให้คนช่วยดู จ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ ทั้งยังจะกลับมาจ่ายเพิ่มถ้ามีสิ่งใดที่ต้องใช้เกินนั้น สำหรับพระองค์ คนๆ นี้แหละที่ได้ทำตามพระทัยของพระบิดาในสวรรค์
ชีวิตที่จริงใจ จะนำการเปลี่ยนแปลงมาให้คนนั้น
ไม่ว่าเขาจะอยู่ในสถานะใด ไม่ว่าเขาจะเกิดมาต่ำต้อยแค่ไหน พระเจ้านำเขาผ่านเส้นทางยากลำบากทั้งหลายไปได้ ดาวิดเป็นเพียงคนเลี้ยงแกะ มิใช่หรือ? แต่ท่านก็ได้เป็นกษัตริย์, ดาเนียลเป็นแต่เชลยไม่ใช่หรือ แต่ท่านเป็นถึงอภิรัฐมนตรี ทำงานให้รัชกาลตั้งสามสมัย ฯลฯ
พระคัมภีร์สัญญาไว้แล้วว่า พระองค์จะทรงทำให้คนที่ยำเกรงพระองค์ สูงขึ้นทางเดียวและไม่ต่ำลง เป็นหัวและไม่เป็นหางพระเจ้าไม่เคยลบลืมสัญญาของพระองค์ คำของพระองค์ออกไปแล้วจะต้องสัมฤทธิ์ผล
คำอธิษฐานอันทรงพลังของยาเบส เขาอธิษฐานว่า
ขอพระองค์ทรงอวยพระพรแก่ข้าพระองค์  และขยายเขตแดนของข้าพระองค์ และขอพระหัตถ์ของพระองค์ อยู่กับข้าพระองค์ และขอพระองค์ทรงรักษาข้าพระองค์ให้พ้นจากเหตุร้าย เพื่อมิให้ข้าพระองค์เจ็บใจปวดกาย และพระเจ้าทรงประสาทตามที่เขาทูลขอ
(1พงศาวดาร 4:9-10)
ยาเบสมั่นใจในความรักและพระเมตตาของพระเจ้า
หลายครั้งไหม? ที่เราอธิษฐานแบบคนที่ไม่ไว้ใจว่าพระเจ้าจะอวยพร เราต้องไปพึ่งอาจารย์ทั้งหลายมาอวยพรเรา เพื่อจะได้(ขลัง)หน่อย ถ้าเรารู้จักพระเจ้าจริงๆ เราไม่ต้องไปหาใคร ถ้าเราจริงใจ ก็จงอธิษฐานด้วยตัวเอง ขอด้วยตัวเอง เพราะถ้าแม้นไปหาอาจารย์แต่ชีวิตไม่ยอมเปลี่ยน ก็อย่าหวังว่าจะได้รับในสิ่งที่เขาอธิษฐานเผื่อ
พระเจ้าไม่ได้เลือกที่รักมักที่ชัง ทรงรักเราทุกคนเหมือนกันหมด แต่ใครที่พบคุณค่าของชีวิตในพระองค์เท่านั้น ใครที่พร้อมจะลงทุนละทิ้งชีวิตเดิม วิถีเดิมเท่านั้นจึงจะได้รับในสิ่งที่พระองค์ทรงเตรียมให้ หรือในสิ่งที่เขาทูลขอ มนุษย์มากมายที่หลงกลมาร มารทำให้คุณเห็นว่า
พระเจ้าไม่รักเธอจริงดอก ดูซิ เธอขอตั้งไม่รู้กี่ครั้งยังไม่เห็นได้เลย ยากอบบอกว่าที่ท่านขอแล้วไม่ได้เพราะท่านขอผิด ท่านขอเพื่อจะเอาไปบำรุงบำเรอเนื้อหนังของตนเท่านั้น
แต่เราจะพบว่า ชีวิตของยาเบสไม่ได้เป็นแบบนั้น พระคัมภีร์ได้กล่าวว่า ท่านเป็นคนมีเกียรติในบรรดาพี่น้อง การที่คนเราจะเป็นที่รักและนับถือ หรือเป็นคนมีเกียรตินั้น จะต้องเป็นคนดีที่มีใจกว้างขวางด้วย ถ้าคุณรวยแต่ไม่เคยช่วยเหลือใคร ก็อย่าหวังว่าจะได้เป็นคนมีเกียรติ จะเรียนสูงขนาดไหนก็ไม่มีใครเขาชื่นชม
พระเจ้าไม่เคยอวยพรคนผิดเลย พระองค์อุปมาถึงเรื่องบ่าวสามคนใช่ไหม?
ทรงให้ตะลันต์ไปทุกคน แต่ความรับผิดชอบของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน พระองค์ทรงเอาตะลันต์จากคนที่ได้ตะลันต์เดียวไปให้คนได้สิบตะลันต์ อย่าแปลกใจเลยว่า ทำไมคนๆ นั้นจึงได้รับพระพรล้วนแต่ดีๆ ทั้งนั้น พระองค์คงจะลำเอียงแน่ๆ
พระเจ้าไม่ได้ลำเอียงหรอก แต่พระองค์รู้จักคนที่จะดูแลของมีค่า เพราะถ้าให้เพียงหนึ่งแล้วดูแลไม่ได้ ไม่สัตย์ซื่อจะดูแล ให้ไปสองมันจะไม่เอาไปผลาญทิ้งกับสิ่งชั่วหรือ?

สรุป
ชีวิตที่ดีและเป็นพรนั้นรอคุณอยู่ ถ้าคุณเห็นถึงคุณค่า จงละจากทางเดิมที่คุณเคยเดินในบาปเสีย ไม่ต้องหาข้ออ้าง ไม่ต้องหาข้อแก้ตัว ไม่ต้องขอยืดเวลา ถ้าคุณกล้ากับพระเจ้า พระองค์ก็พร้อมที่จะอวยพรคุณ เพราะนั่นเป็นกฏที่พระองค์กำหนดขึ้น และพระองค์ไม่เคยไม่รักษาคำสัญญา ยกเว้นแต่คุณเองจะเป็นคนทำผิดสัญญานั้นเสียเอง
จงกระหายที่จะมีชีวิตอย่างยาเบส ไม่ต้องเจ็บใจปวดกาย ขอพระเจ้าทรงขยายเขตแดนให้ เพียงพรไม่กี่ประการก็ครอบคลุมทั้งชีวิตแล้ว....
ขอให้พระพรอย่างนั้นแก่ข้าพระองค์ด้วยเถิด อาเมน.



Wednesday, March 8, 2017

หัวขวานลอยน้ำ


อะไรทำให้หัวขวานลอยน้ำ?

เป็นเพราะเอลีชา หรือเพราะกิ่งไม้ หรือเพราะความเชื่อของชายคนที่ทำหัวขวานตก? 

2 พงศ์กษัตริย์ 6:6 แล้วคนแห่งพระเจ้าถามว่า "ขวานนั้นตกที่ไหน?" เมื่อเขาชี้ให้ท่านแล้ว ท่านก็ตัดไม้อันหนึ่งทิ้งลงไปที่นั่น ทำให้ขวานเหล็กนั้นลอยขึ้นมา ปัญหาใหญ่ได้รับการแก้ไขอย่างง่ายดาย ด้วยเพียงแต่ตัดกิ่งไม้อันหนึ่งทิ้งลงไปในที่ ๆ หัวขวานตก!!!

พระเจ้าทรงอยู่ท่ามกลางเรา แม้ในขณะที่เรารับใช้พระองค์อย่างเหยาะแหยะ แม้เมื่อความเชื่อของเราคล้ายกับไส้ตะเกียงที่ริบหรี่จวนดับ พระเจ้าทรงรอคอยที่จะสำแดงพระเมตตาของพระองค์ต่อเราทุกเวลา ไม่ใช่เป็นเหตุบังเอิญที่เอลีชาอยู่ที่นั่น พระเจ้าทรงรู้ว่าปัญหาอะไรจะเกิดขึ้นบ้างในวันนั้น 

ชายคนนั้น แม้ว่าตนยืมขวานเขามา แต่ก็ขาดความรับผิดชอบ ไม่ตรวจสอบหัวขวานให้ดีเสียก่อนว่าขวานที่ยืมมานั้นทื่อหรือว่าหลวมหรือเปล่า เขาควรจะรอบคอบในสิ่งที่ตนทำและในสิ่งที่ยืมเขามา มิใช่หรือ?

หลายครั้งที่เรา(คริสเตียน)ก็เป็นเหมือนชายคนนั้น พวกเราทำงานของพระเจ้าอย่างหละหลวมไม่จริงจังเหมือนกับงานที่ทำเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง เรามักเห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตนมาเป็นที่หนึ่งและให้ความสำคัญต่องานรับใช้เป็นเรื่องรอง

ชีวิตที่ดำเนินไปอย่างผิดวัตถุประสงค์ก็เหมือนกับเครื่องยนต์ที่ไม่ได้เติมเชื้อเพลิงที่ถูกกำหนดไว้ จริงอยู่ที่เชื้อเพลิงบางอย่างราคาถูกกว่าและใช้ได้ แต่ประสิทธิภาพและอายุการใช้งานมีความแตกต่างจากเชื้อเพลิงดีที่ถูกกำหนดไว้ให้ใช้ น้ำมันผสมราคาถูกที่ใช้เติมรถยนต์อาจจะช่วยให้ประหยัดลงนิดหน่อย แต่ผลเสียที่จะเกิดกับรถยนต์ในระยะยาวนั้นย่อมมีตามมา

แต่ในด้านฝ่ายจิตวิญญาณ ไม่ว่าเราจะเป็นอย่างไร เมื่อเรากลับมาแสวงหาการช่วยเหลือจากพระเจ้า เราก็จะพบว่าพระองค์พร้อมเสมอและรออยู่แล้วที่จะสำแดงพระเมตตาแก่เรา ที่กล่าวเช่นนี้ไม่ใช่กำลังจะเปิดทางให้คริสเตียนได้ใจยิ่งทำตัวเหลวไหลต่อไปอีกแต่อย่างใด คนฉลาดทุกคนต่างก็รู้ว่ามนุษย์เกิดมาแล้วต้องตาย และความตายไม่ได้ร้องเตือนให้ทราบก่อนว่าจะมาถึงวันไหน เวลาใด หนังสือโรม 14:12 บอกว่า "ฉะนั้น เราทุกคนต้องทูลเรื่องราวของตัวเองต่อพระเจ้า" เป็นการกระทำที่โง่เขลาถ้าเราจะอ้างพระคุณเพื่อใช้ชีวิตอยู่ในบาป เพราะบาปไม่เคยไว้หน้าใคร ไม่เคยสงสารเห็นใจใคร บาปมาพร้อมกับค่าจ้างที่แพงและดอกเบี้ยที่สูงลิ่วเสมอ และเหล็กไนของความบาปคือความตาย อย่าเล่นกับบาปใด ๆ และอย่ามองว่าบาปที่ทำแค่นิดเดียว เพราะบาปเล็กในที่สุดจะกลายเป็นบาปใหญ่ และบาปใหญ่จะฆ่าคน

พระเจ้าประทานพระคุณเพื่อให้เรามีโอกาสกลับตัวกลับใจจากบาป ไม่ใช่เป็นช่องทางให้ทำบาปซ้ำซาก หัวขวานที่ตกลงไปในน้ำลอยขึ้นมา ไม่ใช่เพราะเอลีชาช่างแสนดี ไม่ใช่เพราะชายคนที่ทำหัวขวานตกช่างน่าสงสารนัก แต่เพราะพระเจ้าทรงมีพระเมตตาเสมอ อย่าใช้พระคุณของพระเจ้าเพื่อเป็นช่องทางใช้ชีวิตตามอำเภอใจของตนเอง แต่จงสำนึกในพระกรุณาและดำเนินชีวิตให้สมกับพระคุณ

หัวขวานเหล็กในสมัยนั้น เป็นเครื่องมือที่มีราคาแพง ผู้เผยพระวจนะไม่มีเงินมากพอที่จะซื้อจึงไปขอยืมเขามาใช้ก่อน เมื่อทำหายก็ต้องรับผิดชอบด้วยการขายตัวเป็นทาสเพื่อชดใช้หนี้ การที่เขาได้หัวขวานกลับไปคืนเจ้าของ จึงไม่ใช่เรื่องแค่ทำของอย่างหนึ่งหาย แต่หมายถึงชีวิตทั้งชีวิตของเขาที่ไม่ต้องตกไปเป็นทาส  พระเยซูคริสต์ได้ทรงซื้อเราทั้งหลายไว้แล้วด้วยความตายที่กางเขน ชีวิตอันเลิศประเสริฐของพระองค์เป็นค่าไถ่ชีวิตที่ตกเป็นทาสบาปของเรา พระเจ้าทรงให้ของประทานนี้แก่เราทั้งหลายโดยไม่ได้คิดค่าคิดราคา ควรเราจะทำเฉยต่อพระเมตตาหรือ หรือว่าควรเราจะอุทิศชีวิตเพื่อตอบสนองพระเมตตากรุณาของพระเจ้า

เจิม ซัม